อย่างน้อยที่สุดในบทนี้ ผู้เรียนควรเข้าใจหลักการพื้นฐานสำคัญ ของการให้เหตุผล ซึ่งจะแบบออกได้ 2 แบบใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
แบบอุปนัย Inductive Reasoning
แบบนิรนัย Deductive Reasoning
แบบอุปนัย : ยึดความจริงย่อยไปหาความจริงรวมหรือใหญ่ ได้มาจากการสังเกตหรือทดลองกรณีย่อยๆ แล้วนำมาสรุปความรู้แบบทั่วไป เช่น ผลคูณของจำนวนนับสองจำนวนที่เป็นจำนวนคี่จะเป็นจำนวนคี่ เช่น
1 x 3 = 3
1 x 5 = 5
1 x 7 = 7
1 x 9 = 9
การให้เหตุผลแบบนิรนัย : เป็นการสรุปข้อเท็จจริงซึ่งเป็นผลมาจากเหตุและเป็นความรู้พื้นฐาน เช่น
เหตุ 1) จำนวนคู่ หมายถึงจำนวนเต็มที่หารด้วย 2 ลงตัว
2) 10 หารด้วย 2 ลงตัว
ผล : 10 เป็นจำนวนคู่
ตารางสรุปเปรียบเทียบการให้เหตุผล
การให้เหตุผลแบบอุปนัย |
การให้เหตุผลแบบนิรนัย |
สรุปจากเล็ก
ไป ใหญ่ ผลสรุปที่ได้เป็นความรู้ใหม่ ผลสรุปอาจจะเป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้ |
สรุปจากใหญ่
ไป เล็ก ผลสรุปที่ได้อยู่ในวงจำกัด ผลสรุปเป็นจริงเมื่อสมมุตติฐานเป็นจริง
|
การใช้แผนภาพของเวนน์-ออยเลอร์ ในการตรวจสอบ ความสมเหตุสมผล 6 แบบด้วยกันคือ
- สมาชิกของ A ทุกตัวเป็นสมาชิกของ B
- ทั้ง A และ B ไม่มีสมาชิกร่วมกัน
- ทั้ง A และ B มีสมาชิกร่วมกัน
- สมาชิกบางตัวของ A ไม่เป็นสมาชิกของ B
- สมาชิกของ A หนึ่งตัวเป็นสมาชิกของ B
- สมาชิก A หนึ่งตัวไม่เป็นสมาชิกของ B
ตัวอย่าง : จงตรวจสอบความสมเหตุสมผลโดยใช้แผนภาพ
เหตุ 1) นายธนาคารทุกคนเป็นคนรวย
2) นาย ก เป็นนายธนาคาร
ผล : นาย ก เป็นคนรวย
จากแผนภาพ ผลสรุปที่บอกว่า นาย ก เป็นคนรวย สมเหตุสมผล
ตัวอย่าง : จงตรวจสอบความสมเหตุสมผลโดยใช้แผนภาพ
เหตุ 1) นักฟุตบอลทุกคนเป็นคนที่มีสุขภาพดี
2) นาย ข เป็นคนที่มีสุขภาพดี
ผล : นาย ข เป็นนักฟุตบอล
แผนภาพที่สามารถเขียนได้ 2 กรณี ตำแหน่งของนาย ข มีทั้งในเซตของ F และอยู่นอกเซตของ F จึงกล่าวได้ว่า ข้อสรุปไม่สมเหตุสมผล
อย่าลืมแบบฝึกหัดท้ายบท เพื่อความเข้าใจ แบบฝึกหัด สรุปการให้เหตุผล ม.4-6
إرسال تعليق